หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สิ่งที่ได้จากการทำนิตยสาร


กว่าจะเป็นเล่ม Corner 

                 โอกาสนั้น มาไม่บ่อย แต่เมื่อมีเข้ามา เราก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ สำหรับในช่วงชีวิตของการเรียนปี ในเทอม 2 นี้ ดิฉันก็มีโอกาสได้ร่วมกับเพื่อนอีก 5 คนในการจัดทำนิตยสารขึ้นมา ในวิชา การผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งทำให้ฉันได้รับอะไรหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานร่วมกับผู้อื่น เริ่มตั้งแต่ เมื่อรับรู้ถึงสมาชิกกลุ่ม และการแบ่งหน้าที่ว่าใครถนัดและเหมาะสมที่จะทำอะไร ซึ่งจะประกอบไปด้วย บรรณาธิการ(บก.) นักเขียน กราฟิกและช่างภาพ โดยตัวฉันเอง เห็นว่า นักเขียนนั้นเป็นงานที่ตัวเองดูจะถนัดที่สุด แต่เมื่อถึงเวลาทำงานจริงๆ นักเขียนก็ไม่ได้นั่งเขียนอย่างเดียว ในการทำงานของกลุ่มเรานั้นจะมีการนัดเพื่อประชุมในหลายครั้ง มีการเสนอในเฟสบุค ซึ่งเราจะมีกรุ๊ปไว้สำหรับให้สมาชิกได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และประชุมฉุกเฉินอีกด้วย และเมื่อเรามีหัวข้อคอลัมน์ที่จะทำแล้ว สิ่งสำคัญคือ ข้อมูล และภาพที่จะนำมาประกอบเรื่องราว ดังนั้นการลงพื้นที่จึงเป็นสิ่งสำคัญอีกเช่นกัน นี่เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจในการทำงานกลุ่ม ในการลงพื้นที่ไม่เคยไปคนเดียวเลย จะมีเพื่อนในกลุ่มไปช่วยกันตลอด 
 
              เริ่มจากคอลัมน์แรก คอสเพลย์ ตลาดนัดรถไฟ ก็จะมีภาซึ่งเป็นคนทำกราฟิก และกาวที่เป็นช่างภาพไปช่วยด้วย ทำให้ได้มุมมองและแนวคิดมากขึ้น บางทีเพื่อนก็จะช่วยเสนอว่า ส่วนนี้ควรเพิ่มดีมั้ย แบบนี้ดีกว่ามั้ยในการลงพื้นที่ครั้งที่สอง เป็นการไปกินบุฟเฟ่ห์เพื่อรีวิวอาหาร กับ แพรและ บรรณาธิการ คือ อ๋อ นอกจากไปช่วยกันชิมแล้วก็ยังช่วยพยุงกันกลับอีก เนื่องจากอิ่มมาก ปกติเวลาไปกันก็จะกินแค่พออิ่ม แต่ครั้งนี้เราไปเก็บข้อมูลรสชาติอาหาร ต้องชิมเกือบทุกอย่างในเวลา 4 ชม. เพื่อให้ได้ข้อมูลที่จริง จนถึงขนาดนั่งมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะออกมา เป็นความสุขของการทำงานอีกอย่าง ได้ทั้งงาน มิตรภาพ และอิ่มด้วย ครั้งที่สาม เป็นการลงพื้นที่คอลัมน์Truelove café เป็นคอลัมน์ของภาก็ไปเป็นเพื่อนภา และกาวก็ไปช่วยถ่ายรูปอีกแรงหนึ่ง วันนั้นกว่าจะเก็บข้อมูลถ่ายรูปเสร็จก็มืด ร้านอยู่ในซอย เดินออกมาสามคน ไกลมากปวดขาไปหมดแต่ก็ยังมีเพื่อนเดินด้วย อดทนเดินกันจนได้ขึ้นรถกลับ ในครั้งที่สี่ คือ คอลัมน์ too fast to sleepกับคอลัมน์ฟิตเนส ของกาว ก็ไปเป็นเพื่อนกาวกัน มี ภา อ๋อ และก็ฉัน ในคอลัมน์สุดท้ายที่ลงพื้นที่ด้วยกัน คือ คอลัมน์หลัก ก็ไปช่วยกัน


            





             สิ่งสำคัญที่ได้ ในการทำนิตยสาร ครั้งนี้ คือ ประสบการณ์ ได้รู้และเข้าใจกระบวนการทำงานจริงๆ ทั้งในการทำเป็นทีม และการรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง ซึ่งในหน้าที่ของนักเขียน จะต้องกะเวลาในการทำเสร็จให้เร็วกว่ากำหนด เพราะจะต้องส่งให้บก.ตรวจก่อน จึงต้องเผื่อเวลาที่จะแก้ไข หากมีข้อผิดพลาดอีก ไหนบก.จะต้องส่งให้กราฟิกทำอีก ดังนั้นผู้ที่เขียนจะต้องรวดเร็วและส่งให้ทันเวลา หรือ ก่อนเวลาจะดีมาก ส่วนของการลงพื้นที่เก็บข้อมูล บางครั้งเราก็ต้องศึกษาข้อมูลคร่าวๆและคิดเกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียนก่อน การแบ่งหน้าที่ เพื่อให้การทำงานสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น การเคารพในการตัดสินใจของสมาชิกคนอื่นในกลุ่ม รวมถึงการยอมรับความคิดเห็นของส่วนใหญ่ เพราะเกราฟิกจะนำงานที่ทำเสร็จแล้วมาโพสต์ในกรุ๊ปให้เลือก ซึ่งความคิดเห็นบางคนก็ไม่ตรงกัน แต่เราก็ยอมรับในเสียงส่วนใหญ่ จึงไม่มีปัญหาในการทำงานส่วนนี้ 

  

                ในการทำงาน แน่นอนว่าปัญหานั้นต้องมีแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งหน้าที่ ซึ่งทุกคนจะต้องเขียนคอลัมน์ของตัวเอง จะหนักก็ตรงการฟิกที่ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น การเก็บข้อมูลก็ต้องเก็บให้ได้มากที่สุด จะได้ไม่เสียเวลาในการลงพื้นที่อีก แต่ปัญหาต่างๆก็นำมาซึ่งกระบวนการคิด ที่จะแก้ปัญหา นี่จึงเป็นอีกสิ่งที่ทำให้เราได้ฝึกการแก้ปัญหาด้วยตนเอง ฝึกการคิดให้รอบคอบมากขึ้น เข้าใจในกระบวนการทำงานกลุ่มการทำนิตยสารมากขึ้น ถือเป็นการเติบโตขึ้นอีกก้าวหนึ่งของเรา จากที่เคยเขียนเรียงความหน้ากระดาษแผ่นเดียว แต่ตอนนี้ฉันมีคอลัมน์ที่เป็นของตัวเอง มีส่วนในการผลิตนิตยสารที่เป็นเล่ม มันดูยิ่งใหญ่มากสำหรับประสบการณ์ที่ผ่านมา และหวังว่าฉันจะสามารถพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆในอนาคตได้

ความรู้สึกเมื่อได้เห็นนิตยสารที่เป็นเล่มสมบูรณ์

                 ครั้งแรกพอได้รับนิตยสารมาถืออยู่ในมือแล้ว มันให้ความรู้สึกโล่ง ดีใจ ภูมิใจ ปะปนกันจนบอกไม่ถูก ความรู้สึกต่างๆหลั่งไหลเข้ามามากมาย แต่หลักๆ คงจะหนีไม่พ้นความปิติ ดีใจที่ว่า โห นี่มันเป็นเล่มเลยนะเนี่ย เราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มันออกมาเป็นเล่มจริงๆหรอ รู้สึกคุ้มค่ากับการลงทุนลงแรงไป ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นการทำครั้งแรก แต่พวกเราก็ทำกันอย่างเต็มที่ และจะนำข้อผิดพลาดนั้นมาปรับปรุงเพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไปค่ะ.




วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศ

E-mail จดหมายออนไลน์ที่ชาวโซเชียลต้องมี




                ปัจจุบันข้อมูลข่าวสารในโลกโซเชียลเป็นอะไรที่สะดวก รวดเร็วและว่องไวจริงๆ ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีช่วยให้การดำเนินชีวิตเราง่าย มีความสะดวกสบายขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อนมากเลย ยุคนี้ไม่ว่าจะอะไรก็มักจะออนไลน์หมด มีการเชื่อมต่อในระบบอินเทอร์เน็ต แม้กระทั่งการซื้อขายสิ่งของต่างๆ
นึกถึงสมัยแรกๆที่ฉันยังเป็นเด็กประถม ก็เริ่มรู้จัก และได้สัมผัสระบบออนไลน์ที่ใช้ในการเรียน ก็ด้วยการสมัครอีเมล์(E-mail) นี่เอง ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยรู้อะไร เพียงแค่ครูให้สมัครก็สมัคร เพื่อจะทำอะไรสักอย่าง
อีเมล์ ย่อมาจาก Electronic mail เป็นการแลกเปลี่ยนข้อความแบบดิจิตอล ซึ่งจะเหมือนกับการส่งจดหมาย
ไปรษณีย์ทั่วไปที่เราส่งกัน มีเนื้อหา ที่อยู่ผู้ส่งและผู้รับ ตอนนี้ผู้ให้บริการที่เป็นฟรีอีเมล์ จะมีบริการของHotmail, Yahoo! mail, Gmail, Thai mailเป็นต้น พอเริ่มรู้ว่ามีบริการอะไรบ้าง ก็ใช้มากขึ้นเริ่มจากการติดต่อกับเพื่อนๆ คุณครูทางนี้มากขึ้น โดยคุณครูมีสั่งการบ้าน และให้ส่งเข้าอีเมล์ในวิชาคอมพิวเตอร์ ส่วนการติดต่อกับเพื่อน ตอนนั้นจะชอบฟอร์เวิร์ดเมล์กันมาก คือการส่งต่อจากคนหนึ่งไปยังอีกหลายๆคน ก็จะส่งภาพน่ารักๆ หรือเป็นคำคม ข้อคิด ให้เพื่อนๆที่สนิทกัน เรียกง่ายๆ เดอะ แก๊ง นั่นเอง ต่อมาเมื่อเริ่มมี Hi5,Facebook เข้ามา การส่งฟอร์เวิร์ดเมล์ก็แทบไม่ได้แตะกันอีกเลย แต่การบ้านหรืองาน ก็ยังคงส่งทางอีเมลล์อยู่
                ประโยชน์ของอีเมล์ก็คงจะหนีไม่พ้น การติดต่อสื่อสารที่รวดเร็ว หากเป็นจดหมายธรรมดาก็อย่างน้อย3วันกว่าจะได้เปิดอ่าน เมื่อมีอีเมล์ สามารถส่งได้อย่างรวดเร็วทันใจ อีกทั้งยังสามารถสื่อสารกันได้ แม้จะอยู่คนละประเทศ แต่ข้อจำกัดคือ ต้องมีอินเทอร์เน็ต และความจุที่จำกัด



                ปัจจุบันอีเมล์ก็ยังคงถูกใช้งานอยู่ ในการส่งงานให้เพื่อนและคุณครูในบางครั้ง ซึ่งฉันคิดว่ามันช่วยอำนวยความสะดวกสบาย แม้ว่าFacebook จะสามารถส่งได้เช่นเดียวกัน แต่หากส่งในเฟสบุค มันจะมีสิ่งที่เร้าความสนใจมากกว่า กว่าจะได้ส่งเราก็จะวอกแวกไป แต่ถ้าส่งในเมล์ เราจะไม่มีอะไรมาดึงดูดความสนใจ ทำให้งานเสร็จเร็ว และดูเป็นการเป็นงานมากกว่า ไม่ว่าจะสมัครFacebook หรือApplication อะไรก็แล้วแต่ มักจะให้กรอกอีเมล์ลงไปด้วย จะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะต้องให้ใส่อีเมล์ตลอด ถ้ามี
ที่อยู่ เบอร์โทรให้ติดต่อแล้ว สิ่งที่จะขาดไม่ได้ก็คืออีเมล์เช่นกัน แต่เมื่อมีประโยชน์ก็ย่อมมีโทษด้วยเช่นกัน การส่งต่อทางอีเมล์หรือการฟอร์เวิร์ดเมล์ก็อาจจะนำมาซึ่งปัญหาไวรัสของคอมพิวเตอร์ เป็นปัญหาที่แก้ลำบาก จึงต้องหมั่นสแกนไวรัส และอัพเดตโปรแกรมสแกนบ่อยๆ ที่สำคัญระวังเรื่องของการหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ตซึ่งอาจถูกหลอกได้ แม้กระทั่งอีเมล์ อาจจะมีคนปลอมแปลงหรือทำขึ้นมาเพื่อประโยชน์การใดการหนึ่ง เพราะฉะนั้นผู้ใช้ก็ต้องระวัง ใช้ให้เกิดประโยชน์และมีสติด้วยเช่นกันค่ะ



วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Mini murrha ฟาร์มที่คุณต้องมา!!



               วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับสถานที่หนึ่ง ซึ่งคนที่ชอบธรรมชาติ หรือชอบเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ทางเกษตรกรรม คงจะสนใจไม่น้อยเพราะสถานที่นี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ความรู้แก่ผู้เข้าชม ทุกเพศ ทุกวัย ดังนั้นเราจะพาไปรู้จักกับมินิ มูร่าห์ ฟาร์ม
(Mini murrah farm) ฟาร์มควายพันธุ์มูร่าห์แห่งเดียวในประเทศไทยกัน

            ประวัติ มินิ มูร่าห์ ฟาร์ม

                เป็นฟาร์มจำลอง ซึ่งเป็นฟาร์มควายนมที่แรกและที่เดียวในเมืองไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้การทำปศุสัตว์อินทรีย์ สร้างตามแบบของฟาร์มชนบทในประเทศอิตาลี มีการเลี้ยงควายพันธุ์มูร่าห์ โดยคุณรัญจวน เฮงตระกูลสิน เป็นผู้บุกเบิกริเริ่มในปี พ.ศ. 2546 เพื่อจะทำให้ควายนมเป็นสัตว์เศรษฐกิจของไทย เป็นต้นแบบธุรกิจเกษตรกรรมแบบครบวงจรและยั่งยืน เริ่มจากปลูกพืชสำหรับเป็นอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ไปจนถึงการแปรรูป การจัดจำหน่ายมายังผู้บริโภค โดยไม่ใช้สารยาฆ่าแมลง สารกระตุ้นน้ำนม สามารถควบคุมน้ำนมให้บริสุทธิ์ สะอาดคงคุณภาพได้ตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ ซึ่งมินิ มูร่าห์ ฟาร์ม ได้นำองค์ความรู้มานำเสนอในรูปแบบฟาร์มสาธิต การเลี้ยงควายนมแบบครบวงจร เพื่อส่งเสริมเกษตรกร ให้ผู้สนใจทั่วไป




                ภายในฟาร์มก็จะแบ่งเป็นหลายส่วน และมีข้อมูลความรู้ให้เราได้เลือกศึกษา อาทิ แปลงปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ก็จะเป็นการปลูกข้าวโพดให้เป็นอาหารหลักของควายพันธุ์มูร่าห์ เนื่องจากมีโปรตีนสูง ทางฟาร์มมีปลูกทั้งข้าวโพดอ่อนและข้าวโพดหวาน มีกระบวนการรีดนม สระบำบัดระบบธรรมชาติ แปลงเกษตรอินทรีย์ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ จะมีข้อมูลข่าวสารให้เราได้สามารถอ่าน หรือจะสอบถามทางผู้ที่ดูแลส่วนต่างๆก็ได้ เขาก็ยินดีให้ความรู้แก่เรา 






                 สามารถนำมาบูรณาการเข้ากับการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี  ในงานเกษตร เรื่องการวางแผนปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สามารถพาเด็กๆไปทัศนศึกษา ได้เพราะ มีการให้ความรู้ทั้งในส่วนของทฤษฎีและปฏิบัติอีกด้วย ช่วยให้เด็กเข้าใจเห็นภาพมากขึ้น และได้ทดลองทำด้วยตนเอง สามารถเข้าใจปัญหาด้วยตนเอง นำไปสู่กระบวนการคิด วิธีการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหา

ผลการเรียนรู้ที่ได้รับ

                จะทำให้เด็กเข้าใจมากขึ้น อีกทั้งยังมีทักษะที่จำเป็น มีประสบการณ์ในการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ สามารถใช้เทคโนโลยีในงานอาชีพ สร้างคุณธรรม และมีเจตคติที่ดีต่ออาชีพเกษตรกร สามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำงาน หรือการแก้ปัญหาต่างๆได้ในงานเกษตร

แผนที่การเดินทาง



ที่มารูปภาพ : http://travel.thaiza.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%9F%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%9F%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/281304/

เล่าสู่กันฟัง..


                สำหรับฉัน เคยไปครั้งเดียวเอง ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2556 มินิ มูร่าห์ ฟาร์มแห่งนี้ เพิ่งเปิดมาไม่นาน เมื่อปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2556 นี่เองค่ะ ช่วงที่ไปก็เป็นช่วงคริสต์มาสพอดี จึงมีการจัดซุ้มน่ารักๆให้เราได้ถ่ายรูปข้างหน้าทางเข้าเลย สองข้างทางเข้าก็จะมีแปลงข้าวโพด และแปลงดอกไม้สีสันสวยงาม และจะมีการแบ่งโซน มีแพะ 
ลูกหมู กระต่าย เป็ด อยู่เป็นส่วนๆ ในด้านหน้า และ มีร้านอาหารขนาดเล็ก จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของทางฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็นนม เค้ก คุกกี้ เป็นต้น เห็นมีเด็กเล็กๆซึ่งไปทัศนศึกษา ทางฟาร์มเค้าก็ให้เด็กๆได้มีโอกาสลองทำคุกกี้ และแต่งหน้าพิซซ่าเองได้ด้วย เดินไปทางด้านหลังร้านจะเป็นคอกของควายพันธุ์
มูร่าห์ ก็จะมีแยกเป็นคอกลูกที่ยังเล็ก กับที่โตแล้ว 
ลูกควายที่ยังเล็ก น่ารักมาก ซึ่งยังกินหญ้าไม่ได้ ก็ยังคงต้องกินนมอยู่ ส่วนอีกฝั่งที่เป็นตัวโตเราก็สามารถเอาหญ้าไปป้อนได้ ซึ่งจะมีอาหารขาย ในราคา 
20-30 บาท เนื่องจากทางฟาร์มไม่เก็บค่าบริการในการเข้าชม จึงมีเป็นการขายอาหารให้ไปป้อนสัตว์ในฟาร์มแทน  ซึ่งก็ไม่ได้บังคับว่าจะต้องซื้อ แต่พอเห็นแล้วเราก็อยากจะลองเป็นคนให้อาหารบ้าง         
                                                                                                        

   
                  โดยส่วนตัว ค่อนข้างประทับใจ ที่ มินิ มูร่าห์ ฟาร์มแห่งนี้ เพราะเราสามารถเลือกศึกษาได้ตามอัธยาศัย ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็มาเรียนรู้ได้ทั้งนั้น ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็สามารถที่จะศึกษาถึงกระบวนการที่เป็นขั้นเป็นตอน ถ้าเป็นเด็กจะได้ประสบการณ์จากการฝึก ลองลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง อีกทั้งภายในฟาร์มก็ดูสะอาด บริการที่ดี ตั้งแต่จอดรถ จนกระทั่งขึ้นรถกลับเลยทีเดียว พี่ชายและป้าของฉันที่เป็นคนชวนมา ถามฉันมาว่า เป็นยังไงบ้างกลับมาเยี่ยมผู้มีพระคุณ ทำฉันอึ้งไปแปปนึ่ง แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า นั่นน่ะสิ ในสมัยก่อนเราใช้ควายไถนา ทำให้มีข้าวกิน แล้วทำไมคนเราต้องเอาควายมาเป็นคำด่าด้วยล่ะ ? แล้วคุณล่ะ คิดเหมือนกันมั้ย ? ทำไมน๊า ทำไม??



วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

สิ่งพิมพ์ที่ได้รางวัล

     

  สิ่งพิมพ์นี้ ได้แต่ใดมา?





               สิ่งพิมพ์ที่ดิฉันเลือกมานี้ ได้รับรางวัลชนะเลิศจากโครงการประกวดออกแบบโปสเตอร์ รณรงค์งดเหล้า หัวข้อ "หยุดหาข้ออ้าง เข้าข้างเหล้า ไม่ดื่ม ไม่เมา เราทำได้" ซึ่งโปสเตอร์ที่ได้รางวัลนี้ ต่อมาได้ถูกแบน เพราะเนื่องจากมีบุคคลบางกลุ่มไม่เห็นด้วย การตีพิมพ์โปสเตอร์นี้จึงถูกยุติลง พวกเขาเห็นว่า มันเหมือนเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในการที่เอาคนไปเปรียบกับหมา แต่ในความคิดของดิฉัน คิดว่าคนออกแบบ เค้าคงเอามาเปรียบเทียบกับสำนวนเท่านั้นเอง และการใช้สำนวนที่เปรียบให้เห็นภาพชัดเจน ว่าบางคนที่เมามากๆ จนไม่สามารถคุมตนเองได้ ถึงขนาดล้มลุกคลุนคลาน ซึ่งฉันเองก็แอบคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน ถือว่าค่อนข้างตรงกับคอนเซปต์ ที่รณรงค์ไม่ให้คนดื่มสุรา หรือแอลกอฮอล์ เพราะอ่านแล้วสะดุด ทำให้หยุดคิดว่ามันก็จริงนะ ด้วยเพราะรูปคนเมาที่วิวัฒนาการลงไปเป็นสุนัข สามารถบรรยายชื่อแนวคิดที่ดูแรง ตรงได้เป็นอย่างดี ส่วนรางวัลรองชนะเลิศให้ความรู้สึกว่า ยังต้องตีความหมายคอนเซปต์ของภาพอยู่ ต่างจากภาพแรกที่ดูปุ๊ป ก็ร้องอ๋อขึ้นมาได้ทันที น่าเสียดายที่ โปสเตอร์ไม่ได้รับการตีพิมพ์ แต่ก็มีให้รับชมได้ในInternet การออกแบบก็ดูสบายตา ดูไม่รกจนเกินไป โดยส่วนตัวนะคะ ชอบตรง การออกแบบได้มาตรงแนวคิด โดยที่ภาพสามารถสื่อออกมาได้เข้าใจง่าย



ในอีกความรู้สึกหนึ่ง ที่อยากแสดงความคิดเห็นของโปสเตอร์ที่ได้รับรางวัลคือ อยากจะให้เพิ่มตรงข้างบนที่เป็น         รูปสุนัขจะมีเนื้อที่ว่าง มันน่าจะมีอะไรมาช่วยเน้น เช่น            คำพูด หรือ คำโปรยที่ให้ความรู้สึกย้ำ ตระหนักในเรื่องการงดเหล้า ว่าไม่ควรจะดื่ม หรือถ้าหากดื่มก็ควรแต่พองาม ให้รู้ตัว เพื่อที่จะได้ไม่เมาจนถึงขนาดคุมสติไม่ได้แล้วไปสร้างความเดือดร้อน   ให้กับผู้อื่น เพราะความขาดสตินี้อาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมา     อีกมากมาย จากข่าวในปัจจุบัน                                    ข่าวอาชญากรรม การทะเลาะวิวาท เมื่อมีคนกินเหล้าจนเมา ไม่มีสติ พอที่จะยับยั้งชั่งใจ นิดๆหน่อยๆ   ก็พาลโมโห เริ่มจากมีปากเสียง ทะเลาะถึงขั้นลงไม้ลงมือ ท้ายที่สุด อาจจะหยิบปืนมายิง หรือมีดมาแทง มีแต่เสียกับเสีย อีกซ้ำยังบั่นทอนสุขภาพของเราลงไปเรื่อยๆ ถ้าเปลี่ยนจากเหล้ามาเป็นชาหรือน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ น่าจะดีกว่ากันเยอะเลยนะคะ



วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

READ A LITTLE ;)



จากข่าวตำรวจจังหวัดสมุดปราการ จับพนักงานหลอกขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ต
ตร.สมุทรปราการ จับพนง.หลอกขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ต

จากกรณีตำรวจจังหวัดสมุทรปราการ ได้ทำการจับกุม น.ส.ศศิปภา  ฮวดทอง ซึ่งหลอกขายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ตมานานถึง 4 ปี ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์บี้ ไอโฟน หรือสินค้าต่างๆ ทั้งยังใช้เลขบัตรประชาชนของผู้อื่นอีกในการเปิดบัญชี โดยมีผู้เสียหายโอนเงินเป็นจำนวนมากกว่า 700,000 บาท ซึ่ง น.ส. ศศิภา ให้เหตุผลว่า เป็นคนชอบเที่ยวเตร่ จึงทำให้เงินไม่พอใช้

ในความคิดของดิฉัน คิดว่า การที่สร้างข้อมูลขึ้นมาเพื่อหลอกลวงผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง ผิดทั้งกฏหมาย และ หลักจริิยธรรม ศีลธรรม น.ส.ศศิปภา ทำขึ้นเพียงแค่เหตุผลที่เงินไม่พอ ซึ่งเงินที่หลอกขายสินค้าให้ผู้อื่นนั้น ก็ไม่ได้เอามาใช้ในสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีและไม่ต้องเดือดร้อนผู้อื่น คือ การรู้จักวางแผนการใช้เงิน การประหยัด และรู้จักบริโภคของที่จำเป็นไม่ใช่เพื่อสนองความต้องการของตนเอง แล้วนำมาซึ่งความเดือดร้อนของผู้อื่น จนต้องสร้างข้อมูลเท็จหลอกลวงผู้อื่น ปัจจุบันภัยจากการนำคอมพิวเตอร์มาใช้หลอกลวงผู้คนบนโลกออนไลน์มีเยอะมากจนน่าตกใจ จึงอยากให้คุณผู้อ่าน หรือ ใช้คอมพิวเตอร์ทุกท่านระวัง และไม่เชื่อข้อมูลอะไรง่ายๆ ควรจะหาแหล่งที่มาที่ชัดเจน ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจที่จะเชื่อหรือไม่